วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

บทที่ 2 ก่อนการมาเป็นบ้านริมแคว เมื่อเข้า มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ผมสอบเข้า มช ได้ ด้วยความ ไม่ค่อยจะเชื่อ ในต้วเองเท่าไร แต่เมื่อเพื่อนมาตะโกนยืนยันว่าผมติด เกษตร มช คืนนั้น ก็เลย ไม่ได้นอน คือตื่นเต้นนอนไม่หลับ แล้ววันนั้นก็มาถึงวันที่ ผมต้องจากบ้านไปเรียนต่อที่ เชียงใหม่ ผมรู้จักเชียงใหม่ ไม่เคยจากบ้านไปไกลขนาดนี้ ย่อมเป็นที่เป็นห่วงของเตี่ยแม่ อย่างมาก แม่ผมสอนผมเรื่องต่างๆ มากมากมายด้วยความเป็นห่วงลูก เตี่ยและแม่ไปส่งผมที่สถานีรถไฟห้วลำโพง ตลอดระยะเวลาเดินทางไปส่ง แม่สอนตลอด เตือนตลอด โดยเฉพาะเรื่องการเรียน เรื่องผู้หญิง ผมจำได้ว่าเตี่ยแม่ไปถึงสถานีก็เกือบเที่งวันแล้ว ที่นั้น รุ่นพี่คณะต่างๆ ต่างมารอรับรุ่นน้องของ คณะของตน ผมเดินผ่านคณะไปที่ ซุ้มคณะเกษตร เห็นรุ่นพี่ ปี 2 มาบูม รับน้องดังเต็มไปหมด ผมก็ไม่รู้ บูมว่าอะไร เรื่องอะไร เพราะ เป็นเด็กบ้านนอก เรียนบ้านนอก พวกเราต่างคนต่างมา ต่างครอบคร้ว ต่างถื่นมารวมกัน โดยมีรุ่นพี่ คอยดูแล เอาใจใส่ อย่างมาก อย่างพี่น้องสายเลือดเดียวกัน พวกเราถูกพาขึ้นไปนั่ง ในตู้รถไฟ ที่กำลังจะมุ่งสู่ จังหวัดเชียงใหม่ ในเวลาอันไกล้นี้ ประมาณ บ่าย 2 โมง ขบวนรถก็เคลื่อนต้ว อย่างช้าๆ มุ่งสู่ เชียงใหม่ พวกเราเริ่มรู้จักกันมากขึ้น ตามระยะทาง และเวลาที่รถไฟวิ่งผ่าน แล้วขบวนรถก็ถึง เชียงใหม่ เวลาประมาณ 8 โมงเช้า ผมเห็นรุ่นพี่ๆ มาคอยต้อนรับพวกเรามากมาย ต่างคนต่างแยกย้ายไปตามรุ่นพี่ๆ ที่มาคอยดูแล ผมคณะเกษตร ถูกนำไปขึ้นรถกูดัง รถคอกหมู รุ่นผมประมาณ 90 คน รถผ่านต้วเมืองเชียงใหม่ ที่ๆ ผู้คนทั้งประเทศบอกว่า สาวเชียงใหม่ สวยมาก ผมยังไม่เห็น เห็นเมืองที่ยังไม่ค่อยเจริญ เห็นร้านค้ามากมาย รถพาพวกเราไปไหน ไม่มีใครรู้ แล้วก็มาหยุดตรง หน้าทางเข้า มหาวิทยาลัย ผมมองเข้าไป เหมือนเข้าป่าเลย ไม่เห็นมีอาคาร หรือตึกเรียนเลย รุ่นพี่บอกพวกเรา ให้มองขึ้นไปบนภูเขาตรงหน้า บอกว่า นั้นคือ พระธาตุดอยสุเทพ ทำให้ผใม ตื่อเต้น ตื่นตา ผมกราบ พระธาตุ ด้วยใจเลื่อมใส พวกเราทุกคนเดินเข้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ด้วยความภาคภูมิใจ รุ่นพี่ พาพวกเราไปกราบขอพร จากองค์ ศาลพ่อภูมิ เจ้าที่ ที่วงเวียน ผมก้มลงกราบแทบพื้น ฝากต้วฝากใจไว้ที่ มช ขอใหเรียนจบๆ ตามเกรณท์

วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ผมตั้งใจ ที่จะเล่าประวัติ ของบ้านริมแคว แพริมน้ำ 28 ปีมาแล้ว

ผมจำเป็น ต้องเล่าประวัติ ชีวิตนักสู้ชีวิต ของผมเพื่อประกอบ ขอขอบคุณทุกท่าน ที่ติดตาม ผม จะ 60 แล้ว มีหลายอย่างที่จะต้องเขียนไว้ หลายท่านอาจ คงดู รายการทาง T V สู้แล้วรวยมาแล้ว เมื่อ ปี พ ศ 2545 -ของคุณ ดำรง พุฒตาล

ต่อ ประวัติ คุณกำธร ล้อวงศ์งาม บทที่ 1

ผมจบ ม ศ 5 ปี พ ศ 2512 ผมจบ 50.00 % ตอนแรกๆ คิดว่า ไม่ผ่านต้องซำชั้น คงเป็นความกรุณาของ อาจารย์ แน่นอน ผมดีใจมากๆ เตี่ย และ แม่ก็ ดีใจมาก ผมก็เลยไป กวด วิชา เตรียม entrance แถวๆ โคลิเซียม ไม่ค่อยจะรู้เรื่องเอาเลย ผมไม่เก่ง คณิตศาสตร์ และไม่ชอบ วิชา กลศาสตร์ แต่ ชอบวิชา ชีววิทยา แต่แม่ผม อยากให้ผมเรียน สถาปัตย์ ผมจึง เลือก 5 คณะ 1 ถาปัตย์ จุฬา 2. วิทยา ม เชียงใหม่ 3. เกษตร มช ปรากฏ ว่า ผมเกิด สอบติด คณะเกษตร เชียงใหม่ ผมดีใจเป็นที่สุดของชีวิต เพราะไม่คิดว่าจะติด ไม่ได้ไปดูผลคะแนนสอบ แต่เพื่อนผม มาตะโกน บอกผม ที่หน้าบ้านว่า ไอ้ธร มึงติด มช คืนนั้น ผม นอนไม่หลับเลย ในช่วงปี 2510- 2512 เป็นปีที่ เตี่ยและแม่ ผม ( ที่บ้าน) สนใจเรื่องการเกษตร ปลูกอ้อย เตี่ยแม่ สนใจอย่างมากๆ หาที่ป่า ซื้อที่ดินป่าทึบ 2-300 ไร่ มาเพื่อปลูกอ้อย ทำให้การค้าเดิมลดน้อย ถอยลงไปเรื่อยๆ พอดีผมเรียนเกษตร จิตใจและ วิญญาณ จึงมอบให้ แก่คณะนี้ ที่บ้านขายรถเครื่อง HONDA ก็ดีมาก ส่งผม ส่งพี่ ส่งน้องๆเรียน จนเกือบจบทุกคน ผมช่วยที่บ้านทำงานทุกอย่าง ช่วยเตี่ยแม่ ทุกอย่างที่ท่านต้องการ แต่ผมก็ชอบเที่ยว เล่นกับเพื่อนๆจึงโดนเตี่ยแม่ ตีเป็นประจำ ก็ด้วยความรัก ความเป็นห่วงลูกนั้นแหละ ผมรักเตี่ย และแม่ผมมากๆ สุดชีวิต เตี่ยและแม่ผม เป็นนักสู้ ชีวิต เป็นแบบอย่างของผมเลย แม่บอกกับ ผมว่า แม่แต่งงานกับ เตี่ย มึง ( เตี่ย ผม ) ไม่มีอะไร ติดต้วมาเลย อากง ไห้ จอบขุดดินมาด้ามเดียว แต่ที่เตียเคยไป เป็นลูกจ้างซ่อม จักรยาน ที่ กรุงเทพ ตอนหนุ่มๆ ทำให้เตี่ย พอมีความรู้บ้าง จึงเปิดร้าน ซ่อมจักรยานนี้แหละ ตอนแต่งงานใหม่ ก็กวน นม ขาย ทำเป็นนมข้น แต่เราไม่ได้เลี้ยงว้ว แพะ เองจึงต้องเลิกไปในที่สุด และทำร้าน จักรยาน ชื่อ ร้าน มืตรช่าง จักรยาน เป็น ร้านจักรยาน ร้านแรกของตำบล ทุกวันนี้ ผม ยังเก็บป้าย ร้านจักรยาน ของเตี่ยไว้ เป็นที่ระลึก และคิดถึง ความเก่ง ความเป็น นักสู้ ของเตี่ย และแม่ผม ช่วงนี้ พี่น้องๆ ก็ไปเรียนที่ กรุงเทพ เตี่ยผม มีพีน้อง 4 คน เตี่ยเป็นผู้ชาย คนที่ 2 มีพี่ชาย มีน้องชาย และมีน้องสาว 1 คน เตี่ย ผมเสียไป เมื่อ อายู ประมาณ 80 ปี ปี พ ศ 2542 เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ผมร้องไห้ น้ำตาจะเป็นสายเลือด ผมพูดกับต้วเอง รำพึงในใจว่า ผมยังทดแทนคุณ เตี่ยผมยังไม่หมดเลย เตี่ยก็ มาตายจากไปก่อน และ เมื่อ ปี 2548 แม่ผม ก็จากไป อีกคน แม่ก็อายุ ประมาณ 80 ปี เช่นกัน แม่สอนผมทุกอย่าง แม่เป็นกำลังใจให้ผม แม่เป็น ยิ่งกว่า แม่พระ ในโลกนี้ ทุกวันนี้ ผมไหว้พระ ทุกวัน กราบ รูปเตี่ย แม่ทุกวัน จบบทที่ 1 เรื่อง ก่อนการมา ของบ้านริมแคว แพริมน้ำ กาญจนบุรี www.banrimkwae.com น้องชายผมจบ ม เกษตร พี่สาว น้องสาวคนรอง จบ อนุปริญญา น้องสาว จบ มช ตอนนี้ เป็น ดอกเตอร อยู่ AMERICA เป็น อาจารย์สอนอยู่ที่ UNIVERSITY OF OKLAHOMA.

วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

บทที 1 เรื่องจริงของ ข้าพเจ้า นายกำธร ล้อวงศ์งาม

แม่ บอกกับผม ว่า ผมเกิดเมื่อ วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม 2494 เวลา ประมาณ 3.58 เช้ามืด แล้วแม่มาแจ้งเกิดผม หลังจากนั้น 1 เดื่อน ผมเกิดโดยหมอ ตำแย ( หมอชาวบ้าน สมัยนั้น ) ตอนเด็ก ผมฃน มากๆ ผมเกิดเป็นลูกของที่ 2 ของครอบครัว ผมมี พี่ สาว หนึ่งคน มีน้องชาย 1 คน แล้วมี น้องสาว อีก 2 คน รวมเป็น 5 คน ครอบคร้วพ่อแม่ผม เป็นครอบคร้วอยู่ในตลาดท่าเรือ อำเภอ ท่ามะกา กาญจนบุรี ไม่รำรวยอะไร เตี่ยแม่ประกอบกิจการ ฃ่่อม จักรยาน ปะ จักรยาน เป็นร้านเล็กๆ จำความได้ ก็เห็นเตี่ย ทำจักรยานแล้ว ตอนเด็ก ผมไปเรียนหนังสื่อ ที่โรงเรียนวัด ท่าเรือ บางันแม่ ก็จัด ข้าวใส่ ปินโตไป บางวันไม่ทัน ผมก็ไปกินข้าววัด แม่ให้ ตัง ผมไป โรงเรียนวันละ 20 สตางค์ บ้าง หนึ่ง สลึง บ้าง ส่วนมากจะเป็น 1 สลึง โรงเรียนอยู่ห่างบ้าน ประมาณ 2 กิโลเมตร ต้องเดินไปกลับทุกวัน ไปกับพี่สาว ไม่นานก็มีน้องๆ ตามมา อีก 3 คน ผมเรียน ป เตรียม จนถึง ป 4 เรียนไม่ค่อยจะรู้เรื่อง ชอบเที่ยวไปกับเพื่อน หนี้เรียนบ้างเป็นครั้งคราว ชกต่อยกับเพื่อนๆ ก็บ่อยเหมือนกัน แต่นิสัยผม ไม่เคยรังแกใครๆ หรือเพื่อนๆ ชอบเที่ยวเล่น ตามประสาเด็กๆ ยิงนก (ใช้ หนังสติ๊ก ) แต่ไม่ค่อยชอบตกปลา เคยหนี้ ไปตกปลา เล่นน้ำ ที่แม่น้ำ กลับมา โดน เตี่ย และแม่ตี จนเนื้อแตก เตี่ย ผมเป็นคนจีน ไม่ได้เรียนหนังสื่อ ยังถือต้างด้าว อยู่ แม่ผมเป็นคนไทย แต่มีเชื้อจีน เรียนหนังสือ จบ ป 4 เขียนหนังสื่อสวยมาก เตีย แฃ่ ล้อ แม่ แฃ่ต้่ง อากง อาม่า มาจากเมืองจีน เมืองฃัวเถา กวางตุ้ง เตี่ย และ แม่เป็นคนขยันมากๆ สู่ชีวิตทุกอย่าง แม่เป็นคนอารมย์ร้อน แต่ก็มีอารมย์ สุนทรีย์ ชอบร้องเพลงให้ ลูกฟัง แม่ชอบเสียงเพลงมาก ทำให้ผมชอบร้องเพลง ตามแม่ ที่บ้านผม ผมจำได้ เตี่ย กับแม่ทะเลาะกันบ่อยๆ ส่วนมากจะเป็นเรื่องลูกๆ เตี่ยคิดแบบคนจีน ลูกไม่ต้องเรียนสูง โดยเฉพาะ ผมหญิง แต่แม่อยากให้เรียน ให้สูง เพื่อลูกๆๆ จะได้ สบายไม่ลำบากเหมือนเขา ผมจำความได้ ตอนอายุ ประมาณ 8 ขวบ ตอนนั้น ตลาดท่าเรือ ยังเป็น ตำบลเล็กๆ อยู่ห่างจาก ต้วจังหวัดกาญจนบุรี 30 กม ห่างจาก อำเภอบ้างโป่ง 25 กม ที่ท่าเรือ เป็นตำบล ค่าขายเห็นชาวบ้าน เอาของป่า มัน ถ่าน ไม้ พืชผล เกษตร ต่างๆมาขาย เห็นว้ว ควาย เดินเต็มท้องถนน เห็นรถยนต์ ไม่กี่คัน แบบมีล้อเ็กๆ รถโบราณนั้นแหละ ส่วนมากชาวบ้าน ก็เลี้ยงว้ว เลี้ยงควายอยู่ ทั่วๆไป บ้านผม อยู่ปากฃอย ของตำบล สมัยก่อน เรียก ตรอก โกวิท เพราะมีโรงเรียนโกวิทย์ อยู่ เป็นโรงเรียน เอกชน แต่แม่ไม่ให้เรียนที่นี่ เพราะไม่มี ตัง ส่ง จึงต้องไปเรียน โรงเรียน วัดท่าเรือ เตี่ยและแม่ค้าขาย ทำจักรยานอยูในตลาดท่าเรือ ตลาาดท่าเรือสมัยก่อน 2494- 2504 ผมอายุได้ 10 ปี เป็น ตำบลที่ ร่มรื่น ผมยังจำได้ดี สองข้างถนน แสงชุโต มีแต่ต้น จามจุรี ต้นใหญ่ๆ สองข้างถนน บ้านคนก็เป็นบ้านไม้ ห้องแถว เหมือน ตลาด 100 ปี ที่สามชุก มี่แหละ แต่ใหญ่กว่ามาก ถ้าความเจริญยังมาไม่ถึง คงเป็นตลาดเก่าแก่ ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ เพราะสมัยก่อน ตลาดท่าเรือ เป็นตลาดชุมชนใหญ่ ริมน้ำแม่กลอง เป็นท่าเรือขนส่งสินค้า ไปยังที่ต่างของจังหวัด แม้ สมเด็จ ร .5 เสด็จ วัด พระแท่นดงรัง ก็ทรงขึ้นเรือ ที่บ้านท่าเรือ แห่งนี้ ถึงแม้จะเป็นชุมชนใหญ่ แต่ชาวบ้านร้านค้าก็รู้จักกันดี มีกลุ่มพ่อค้าคนจีน รวมต้ว คุยกัน กินน้ำชากัน ที่ข้างๆบ้านผม ข้างบ้านผมเป็นร้าน คนจีนขายข้าวสาร ใครก็ต้องมาซื้อข่าว บ้านนี้ ผมเห็ฯพวกเพื่อนเตี่ย มานั้งสังสรร ตอนห้วค่ำ แทบทุกคืน อีกไม่นาน ก็มีถนน ราดยางอย่างดี ดีกว่าที่เป็นอยู่ ตำบลก็ขยายมากขึ้น ตอนนั้น มีกำนัน ชือ่ กำนันหมิ่น เถียรประภากลุเป็นกำนัน มีสมาคมแซ่ หลายแซ่เช่น แซ่ล้อ แซ่ต้่ง แซ่ลิ้ม จำไม่ได้ สรุปภาพของ ตำบลท่าเรือ คือตำบลเล็กๆ แห่งหนึ่ง ในจังหวัด กาญจนบุรี แต่อีกไม่นาน มันจะดังไปทั่วประเทศไทย แล้วผมจะเล่าต่อไป ท่าไม่ลืม เป็นตำบลของกำนันคนดังไงละ่ครับ ผมเรียนจบ ป 4 ที่วัดท่าเรือ แม่ก็อยากไห้ผมเรียนต่อ ป 5 แต่ผมเรียน เรียนไม่เก่งเรียน ไม่รู้เรื่อง แม่ก็เลยพาผม ไปฝากเรียน ติว วิชากับอาจารย์ ที่โรงเรียน สารสิทธิ์ บ้านโป่ง ผมก็ไปสอบเข้า ผมท่อง A B C เป็นคั้งแรกของชีวิตก็ที่โรงเรียน นี้แหละ ช่วงตอนนั้น ใครมีสตางค์ก็ส่งลูกไปเรียน โรงอุดม วิทยา เตี่ยแม่ผม เอาผมไปฝากเรียนที่สารสิทธฺื ผมจึงเรียน ป 5 ที่สารสิทธ์ นับแต่นั้นมา จนจบ ม ศ 5 แต่กว่าจะจบได้ แทบเอาต้วไม่รอด เกือบตาย เกือบตายจริงๆๆ ผมเรียนอยู่ประจำที่บ้านอาจารย์ 1 ปีเต็ม บอกได้อย่างเดียว ว่า คิดถึงบ้านเป็นที่สุด ผมก็มีเพื่อนที่เรียนด้วยหลายคน คนด้ง พอได้ ก็ไอ้ เอ๋ ไพโรจน์ สังวริบุตร์ ตอนนี้ เขาคงลืมเราไปแล้ว ผมเรียนไม่เก่ง พอ ป 6 แม่ก็ให้เป็น นักเรียน ไปกลับ ต้องขึ้งรถเมล์ โบกรถ ฟืน รถถ่าน ไปโรงเรียน เกือบทุกวัน ตอนนี้ ก็มีพี่ มีน้องไปเรียนด้วย ที่บ้านเริ่ม ดีขึ้น มีบริษัท รถเครื่องมาให้ ที่บ้านผมเป็น ต้วแทน ( ถ้าถึง วันี้ คงรวยมากๆ เลย ) เขาให้เป็น ต้วแทน ขายรถเครื่อง HONDA ตอนนั้น มี ยี่ห้อ ไครสเรอร์ เอ็มแซด เวสปา แล้วอีกหลายยี่ห้อ ที่บ้าน เตี่ยและแม่ผม ก็ทำงสนเต็มที่ ส่งให้ลูกเรียน ผมไดัเงิน ไป โรงเรียน วันละ 3 บาท ตอนนั้น ทอง บาทละ 300 -400 บาท รถเครื่องขายดีมาก ปล่ิอยเงินผผ่อนไปเจอะ รถหายบ้าง มีเรื่องกับ ตำรวจบ้าง ( พ่อค้า โดนรังแก) ผมเป็นลูกชายคนโต ผมบอกกับต้วเองเสมอ ว่าเราเรียนไม่เก่ง แต่ต้องพยายาม ต้องขยัน เพื่อ เตี่ย และแม่เรา ผมผ่านแต่ละชั้น ประมาณ 60 กว่า % พอจบ ม. 3 เพื่อนๆ เขาไปเรียน ที่ รร เตรียม ผมไม่เก่ง แต่ ผ่านไปเรียน ม ศ 4 ได้ แม่ก็ไห้เรียนต่อ ช่วงนั้น ผมอยากกลับ มาช่วยเตี่ยทำงานแล้ว แต่แม่บอก ให้ ก้มหน้า ก้มตา เรียนไป พอดี ที่บ้านมีน้องแม่ มาช่วย ผมจึงได้เรียน ผมไป สอบเข้าเรียนที่ เทคนิต ไทยเยอรมัน 3 ปี ซ้อน มศ 4 5 6 ไม่ติดเลย จึงจำทนเรียน 4 5 6 แต่กว่าจะผ่าน ได้ คิดถึงวันนี้ อาจารย์ คงช่วยแน่นอน ม4 ได้ 52 % ม 5 ได้ 51% ม 6 ได้ 50.00 % ยังมีต่อนะครับ

วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ประวัติ ก่อนการมา บ้านริมแคว จากอดีต 2524 สู่ ปัจจุบัน 2552

วันนี้ วันที่ 29 พฦษภาคม 2552 ผม นายกำธร ล้อวงศ์งาม เจ้าของ ผู้สร้าง บ้านริมแคว แพริมน้ำ จะพยายามเขียนบันทึก ย้อนอดีตกว่า 20 ปี เมื่อเริ่มสร้าง บ้านริมแคว แพริมน้ำ ผมพิมพ์ไม่เก่ง แต่จะพยายามค่อยๆบันทึก เพื่อให้ ผู้อ่านทั้งหลายได้เข้าใจ โดยจะแบ่งเป็นห้วข้อ ห้วข้อเรื่อง จากอดีต สู่ ปัจจุบันดังนี้ 1. ประวัติ ชีวิตของตัว กระผม นายกำธร ล้อวงศ์งาม และ ครอบครัว ( ยังไม่แต่งงาน ) 2 ชีวิต เปลี่ยนเมื่อจบ ม ศ 5 เข้า รั่วมหาวิทยาลัย 3. เมื่อเรียน จบ มหาวิทยาลัย ออกผจญ กับสังคม ชีวิตจริง 4. แต่งงาน กับสาวเชียงใหม่ ยอดนักสู่ รวมใจเป็น หนึ่งเดียวเพื่อ ครอบคร้วใหม่ 5. สู่ทุกรูปแบบ กับสังคม นักเลงสังคม อุปถัมป์ ด้้วยกระบอกปืน 6. ฟังเสียงสั่ง เสียงเตือน ของแม่ ผู้รักลูกปานดวงตา 7. ไปดีกว่า อย่าอยู่กับ สังคมที่นี่เลย 8. อดทน สู่ป่า คือความหวัง ของเรา ที่จะทำให้เรา ลืม 9. เมียรัก และลูกๆ คือ ความหมาย เป้าหมายที่ต้องสู่ ท้อไม่ได้ 10. ปี 2530 เป็นปี แห่งแสงสว่าง ของ บ้านริมแคว แพริมน้ำ 11. อุปสรรค ต่างๆ ต้องผ่านให้ได้ 12. ขยัน ฃื่อสัตย์ ประหยัด อดทน คือ ปัตญา แห่งชีวิต 13. ชีวิต ยังต้อง ต่อสู่ต่อไป ในสังคมที่วุ่นวาย 14 .ยิ่งรู้มาก เข้าใจมาก ยิ่งเครียดมาก 15. ,สังคมเป็นของ ทุกคน ทุกคน ต้องมีภาระ รับผิดชอบร่วมกัน 16. ผม กำลัง จะมีอายุ ก้างย้าง 60 ในปี 2554 มีหลายอย่าง อยากจะบอก 17. ขอเป็น กำใจ ให้ผมเขียน ให้เสร็จให้จงได้ ขอบคุณครับ 20.54 น วันที่ 29 พ ค 2552